ดูเหมือนว่า “นักท่องเที่ยวจีน” ซึ่งเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังไม่กลับมาท่องเที่ยวได้ง่าย ๆ ทั้งเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศจีนเอง ที่รัฐบาลพยายามจูงใจให้เที่ยวภายในประเทศ แล้วยังซ้ำด้วยอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง “No More Bets” ที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วเมืองจีน โดยเล่าถึงการค้ามนุษย์และหลอกคนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมชาวจีนจนไม่กล้ามาเที่ยวในละแวกนี้
“No More Bets” ภาพยนตร์แอคชันอาชญากรรมสุดระห่ำเข้าฉายในจีนตั้งแต่เมื่อต้นเดือนส.ค. และสามารถครองอันดับหนึ่งบนตารางหนังทำเงินได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย มาพร้อมกับสโลแกน โปรโมตภาพยนตร์ว่า “หนึ่งคนดู ลดเหยื่อถูกโกงหนึ่งคน”
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยเล่าเรื่องคู่รักชาวจีนที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปทำงานต่างประเทศเพราะจะได้ค่าตอบแทนสูง แต่พอไปถึงกลับต้องอยู่โรงงานนรกในเมียนมา ทั้งคู่ถูกกักขังและต้องทำงานหลอกลวงผู้อื่น จนต้องหาทางหลบหลีกจากโรงงานค้ามนุษย์แห่งนี้ให้ได้
- เมียนมา-กัมพูชา แหล่งโรงงานค้ามนุษย์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มักมีชื่อของเมียนมาและกัมพูชาในฐานะประเทศฐานที่มั่นของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การฉ้อโกงออนไลน์ และขบวนการค้ามนุษย์มาโดยตลอด
จากรายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่พึ่งเผยแพร่ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า มีคนอย่างน้อย 120,000 คนในเมียนมา และประมาณ 100,000 คนในกัมพูชา ถูกหลอกและบังคับให้ทำงานหลอกลวงประชาชน ด้วยการเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เล่นพนันออนไลน์
ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ลาว ฟิลิปปินส์ และไทย กลายเป็นทางผ่านของเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์หลายหมื่นคน
เว็บไซต์ Straits Times รายงานว่า หลังจากภาพยนตร์เรื่อง “No More Bets” เข้าฉาย ส่งผลให้ชาวจีนไม่กล้ามาเที่ยวเมียนมาและกัมพูชา เพราะกลัวจะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ โดยคนในวงการท่องเที่ยวเปิดเผยว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาทำลายชื่อเสียง และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่เดิมทีจีนเป็นประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมียนมามากที่สุด ทั้งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือจะมีความไม่สงบในบ้านเมืองอยู่ก็ตาม
เช่นเดียวกับ “กัมพูชา” ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศมากที่สุด โดยในปี 2562 มีคนจีนมาท่องเที่ยวในกัมพูชาถึง 2.3 ล้านคน อีกทั้งนักธุรกิจชาวจีนยังมาลงทุนในกัมพูชา จนมีการสร้างโครงการสีหนุวิลล์เพื่อรองรับทุนจีนโดยเฉพาะ